Monday, December 26, 2011

“ยิ้ม”เกิดได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไร??

ยิ้มเกิดได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไร

       รอยยิ้ม เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 มัดใหญ่ คือ ไซโกเมติก เมเจอร์ ( Zygomatic major) ที่จะช่วยดึงมุมปากให้ยกขึ้นไปหาโหนกแก้ม และออร์บิคิวลาริส ออคิวไล (Orbicularis Oculi ) ที่จะช่วยดึงเนื้อแก้มและเบ้าตาให้ยกขึ้น
       เมื่อเปรียบเทียบการยิ้มกับการแสดงสีหน้าแบบอื่น เช่น โกรธ เศร้า เคร่งขรึม วิตกกังวล ฯลฯ แล้ว จะพบว่าการยิ้มใช้กล้ามเนื้อใบหน้าน้อยกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นมาก การยิ้มจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และทำให้ใบหน้าดูดีกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นๆ ด้วย

         ยิ้มมีผลต่อร่างกายอย่างไร??
       จาก การศึกษาพบว่า เมื่อกล้ามเนื้อใบหน้าเคลื่อนไหวจนเกิดเป็นรอยยิ้ม จะส่งผลทำให้โลหิตแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีอุณหภูมิลดลง จะทำให้เกิดความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งจะตรงข้ามกับการทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ที่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าจะทำให้สมองมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดความรู้สึกไม่สบาย
     นอกจากนี้ ในขณะที่คนเรายิ้ม หัวใจจะเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง ระบบต่างๆ ในร่างกายจะผ่อนคลาย ต่อมหมวกไตจะทำงานน้อยลง ฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดจะถูกขับออกมาน้อยลงด้วย การยิ้มจึงช่วยลดความเครียดได้

       การยิ้มมีความสัมพันธ์กับความสุขอย่างไร??

     เป็นที่สงสัยกันมากว่า คนเรามีความสุขแล้วจึงยิ้ม หรือยิ้มก่อนแล้วจึงมีความสุข ทำให้นักวิชาการต้องทำการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ลงไป และผลที่ได้ก็พบว่าเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง นั่นคือ เมื่อคนเรารู้สึกมีความสุข เราจะแสดงออกทางสีหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ชอบเก็บกดอารมณ์ของตน เวลามีความสุขก็ยังพยามบังคับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึม ซึ่งต้องใช้กล้ามเนื้อใบหน้ามากกว่า เสียพลังงานมากกว่า และทำให้ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่
     ในทางตรงข้าม แม้คนเราจะยังไม่รู้สึกมีความสุข แต่เมื่อยิ้มแล้วสักพัก จะรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นและมีความสุขได้เช่นกัน ดังตัวอย่างการทดลองต่อไปนี้



      ข้อน่ารู้เกี่ยวกับรอยยิ้ม!!

      1. การยิ้มเป็นประจำช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด โดยร่างกายจะหลั่งสารแอนเดอร์ฟีนไปที่สมองทำให้อารมณ์แจ่มใส
      2. เคล็ดลับในการยิ้ม ควรยิ้มทั้งปากและตา และมองตากันค้างไว้อย่างน้อย 3 วินาที เพื่อให้ต้องมนต์สะกดอย่างแท้จริง
     3. นักมนุษยวิทยาสังเกตพบว่า การยิ้มเห็นได้ชัดไกลตั้ง 45 เมตร ในขณะที่อารมณ์อื่นต้องเข้าใกล้ๆ ถึงจะเห็น
     4. การยิ้มที่ดีต้องยิ้มให้ถูกทีถูกเวลาและถูกกาลเทศะด้วย มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายกับตัวเอง
     5. รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้านานเกินไป มักจะดูเหมือนหุ่นยนต์ หรืออีกอย่างหนึ่งเรียกว่า ยิ้มเสแสร้ง คุณควรมียิ้มที่จริงใจดีกว่า เพราะถ้ายิ้มเสแสร้งของคุณเด่นชัดเกินไป ผู้คนจะไม่เชื่อถือ
    6. วิธีมีรอยยิ้มอันสดใส คือหัดยิ้มบ่อยๆ และจริงใจ ยิ่งคุณยิ้มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น และคุณเองก็มีความสุขควบคู่กันไปด้วยเหมือนกัน
     7. ยิ้มไม่ต้องหารจากไหน เพียงแค่ขยับมุมปาก ก็หายิ้มเจอ

      ประโยชน์ของการยิ้ม  การยิ้มมีประโยชน์ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคม
       ระดับบุคคล
      ด้านร่างกาย มีหลักฐานการศึกษาวิจัยหลายเรื่อง ที่แสดงถึงผลของการยิ้มที่มีต่อสุขภาพร่างกาย คือ ทำให้ร่างกายแข็งแรง และสามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นจากอาการเจ็บป่วยเร็วขึ้นด้วย
     ด้านจิตใจ รอยยิ้มทำให้จิตใจเป็นสุข อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด ช่วยให้มองโลกในแง่ดีขึ้น และการยิ้มในสถานการณ์ที่คับขันยังช่วยเพิ่มความกล้าในจิตใจด้วย ทำให้มีพลังที่จะเอาชนะปัญหาอุปสรรคมากขึ้น

     ระดับครอบครัว  ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันในบรรยากาศแห่งรอยยิ้ม ช่วยเพิ่มความรักความผูกพัน ความอบอุ่นใจ และมีความสุข เป็นครอบครัวที่น่าอยู่ ส่งผลกระทบให้เกิดความมั่นคงในครอบครัว  
       ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส จะเสริมสร้างคุณภาพจิตใจที่ดีให้แก้สมาชิก ทำให้อารมณ์ดี มีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กจะเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ ครอบครัวที่มีเรื่องขัดแย้ง หรือความไม่เข้าใจกัน รอยยิ้มจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความบาดหมาง และลดปัญหาต่างๆ ในครอบครัวให้น้อยลง 
 
       ระดับสังคม  เป็นที่ยอมรับว่า การยิ้มเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการสร้างมิตร เพราะช่วยลดความแปลกหน้า ทำให้เกิดความไว้วางใจ ทำให้คนอื่นอยากพูดคุยด้วย คนที่มีบุคลิกลักษณะยิ้มแย้มอยู่เป็นนิตย์ จะช่วยให้ตนเองและผู้อื่นมีความสดชื่น เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองและได้ภาพลักษณ์ที่ประทับใจผู้อื่น
       การยิ้มแย้มทำให้การทำงานร่วมกันง่ายขึ้น ลดปัญหาอุปสรรค ความขัดแย้ง หรืออคติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เกิดการประสานงานที่ดี ราบรื่น สังคมที่มีแต่คนยิ้มแย้ม เป็นสังคมที่น่าอยู่ เป็นการเสริมสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม และยิ่งไปกว่านั้น การยิ้มยังเป็นเอกลักษณ์ของชาติที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว
********
ซั่วยิ้มจาก http://www.saf.mut.ac.th

No comments:

Post a Comment